Friday, January 14, 2011

การเลี้ยงปลาคาร์พ


ผมเองชอบเลี้ยงปลาคาร์พ ตั้งแต่เมืองไทยนิยมเลี้ยงใหม่ๆ ประมาณ 30 ปีก่อน อากาศเมืองไทยเหมาะที่สุดในการเลี้ยงปลาคาร์พ เชื่อกันว่าปลาคาร์พสร้างพลังให้แก่บ้านหรือร้านของท่าน เพราะเป็นสิ่งเคลื่อนไหวตลอดเวลา เป็นปลานำโชค (ฮวงจุ๊ยพลังซี่) ทำให้การค้าขายดีขึ้น อีกทั้งผู้เลี้ยงหลายท่านที่ผมรู้จักยังยืนยันว่าตั้งแต่เลี้ยงปลาคาร์พที่ บ้านทำให้คนในบ้านสุขภาพแข็งแรงขึ้นมาก ไม่ค่อยเจ็บป่วย สิ่งเหล่านี้ไม่อาจพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ แต่ที่แน่ๆ คือ ปลาคาร์พ ทำให้ทุกคนในบ้านมีความสุข อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้สุขภาพจิตดีขึ้นก็เป็นได้ ทำให้มีสมาธิในการทำงาน การเรียน สมองสั่งการได้ดีคิดอะไรก็ออก งานการหรือการเรียนก็ดีขึ้น หาเงินคล่องขึ้นก็น่าจะเป็นได้นะครับ ปลาคาร์พมีสีสรรสวยงามมาก ลายแต่ละตัวไม่มีซ้ำกัน จึงดูเป็นศิลปะที่งดงามยิ่งเหมาะกับปลายภู่กันของหลายๆ ชาติ ปลาคาร์พ เป็นปลาตระกูลเดียวกับ ปลาหลีฮื้อ (Common carp หรือ Silver carpม) ปลาซ่งฮื้อ (Bighead carp) และปลาเฉาฮื้อ (Grass carp) เป็นปลากินพืช และสัตว์น้ำเล็กๆ ปลาคาร์พทำให้ท่านมีความสุขแน่นอน เหมือนเด็กอ่อนที่ขี้อ้อน เมื่อเจอคนจะว่ายมาหาและขออาหาร และเล่นกับเรา มีลูกค้าของผมหลายท่านเล่าว่าตั้งแต่เลี้ยงปลาคาร์พที่บ้านพวกลูกๆ วัยรุ่นซึ่งเคยเที่ยวเตร่ประจำ จะอยู่ติดบ้านและเล่นกับปลาหรือนั่งอ่านหนังสือริมบ่อปลาอย่างมีความสุข ปลาคาร์พเป็นปลาที่เลี้ยงเชื่องได้ง่าย ความมหัศจรรย์ของปลาคาร์พ ที่เพื่อนๆ ประสบมา บอกว่าปลาคาร์พเป็นปลาแสนรู้ ฝึกหัดได้ สอนให้จำสิ่งต่างๆได้ เข้าใจเจ้าของ ปลาคาร์พเลี้ยงง่ายไม่มากเรื่อง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีเวลาน้อย คนสูงอายุหรือคนป่วยที่จำเป็นต้องอยู่บ้าน ปลาคาร์พทำให้ผู้สูงอายุมีกิจกรรมที่มีความสุขทำให้ไม่เหงา ไม่เครียด ไม่เบื่อ อายุยืนขึ้น กับการให้อาหาร การดูแลบ่อแบบง่ายๆ ไม่ลำบาก (ในกรณีที่มีบ่อกรอง) ปลาคาร์พ ไม่สร้างความรำคาญแก่เพื่อนบ้านเหมือนสัตว์เลี้ยงอื่นๆ เช่นไม่ส่งเสียงดัง ไม่ส่งกลิ่นไม่ทำร้ายเด็กในบ้านเป็นต้น เป็นปลาที่ไม่ต้องดูแลมาก เหมาะกับชาวกรุงเทพ ที่มีเวลาไม่มากนัก และยังเป็นสัตว์เลี้ยงที่สามารถชื่นชมในเวลากลางคืนอีกด้วย ที่ญี่ปุ่นเขาเลี้ยงมานานมากแล้ว เลี้ยงมา กว่า 200 ปีทีเดียว เขาซีเรียดมาก มีการประกวด พันธุ์ใหม่ๆ และตั้งชื่อใหม่ตลอดเวลา มีการประมูลราคาซื้อขายเป็นเงินที่แพงมากสำหรับปลาที่ชนะการประกวด

ผมเป็นมนุษย์เงินเดือนสมัยนั้น ทำให้ผมมีเวลาเฉพาะวันหยุด แทบทุกวันหยุด ผมมักจะไปเยี่ยมชมตามฟาร์มต่างๆ ตลาดขายปลาคาร์พ ตามตลาดนัด และแหล่งขายต่างๆ สมัยนั้น หนังสือ คู่มือการเลี้ยงยังหาไม่ง่ายหมือนทุกวันนี้ ผมจำเป็นต้องฝากเพื่อนชาวญี่ปุ่นซื้อหนังสือการเลี้ยงที่ประเทศญี่ปุ่น และหนังสือดังกล่าวมีแต่ภาษาญี่ปุ่น ซึ่งราคาแพงมาก ผมอ่านไม่ออกหรอกครับ ต้องหาคนแปลแบบทุลักทุเล เพราะด้วยความที่อยากรู้วิธีเลี้ยงอย่างซีเรียดนั่นเอง ผมจะถ่ายทอดวิธีเลี้ยงจากประสบการณ์ของผมเองครับ แบบเข้าใจง่ายๆ

บ่อปลาคาร์พ

ปลาคาร์พเป็นปลาที่สวยงามตรงหลังปลา จึงไม่นิยมเลี้ยงในตู้กระจก บ่อปลาไม่มีกำหนดว่าจะต้องใหญ่ หรือเล็ก เอาอ่างอะไรก็ได้ที่ มีเนื้อที่ให้ปลาได้ว่ายหน่อย เพราะปลาคาร์พสามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ดีมาก แต่มีข้อคิดคือปลาคาร์พเป็นปลาอยู่ไม่นิ่ง ( active ) ฉนั้น บ่อใหญ่ย่อมดีกว่าบ่อเล็ก บ่อลึกย่อมดีกว่าบ่อตื้น เมื่อปลาอยู่ในพื้นที่ที่ใหญ่ ปลาจะร่าเริงมีความสุข บ่อเลี้ยงควรมีบ่อกรองเพื่อไม่ทำให้เรายุ่งยากในการเปลี่ยนน้ำ เท็คโนโลยี่ของบ่อกรองเวลานี้ นักวิทยาศาสตร์เขาคิดได้ดีมาก เพราะไม่เพียงแต่การกรองขี้ผงเท่านี้ ยังสามารถมีระบบย่อยสลายสิ่งขับถ่ายจากปลาอีกด้วย คือเป็นการสร้างหรือเพาะเชื้อจุลินทรีย์ที่ดี เพื่อมาฆ่าหรือทำลายจุลินทรีย์ที่เลว ทำให้น้ำสะอาดมีคุณภาพ คนส่วนใหญ่จะใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมากในการซื้อปลา แต่ไม่ได้คำนึงถึงคุณภาพน้ำ หรือการสร้างระบบกรองที่ถูกต้องนั่นเอง บ่อกรองนำเข้ามีราคาแพงมาก แต่ไม่จำเป็นครับ เราสามารถทำบ่อกรองติดกับบ่อปลา หรือแยกส่วนก็ได้ไม่แพ้ของนอก ยังดูเป็นธรรมชาติอีกด้วย บ่อต้องแข็งแรงเพื่อรองรับความดันของน้ำ ก่อนนำปลาลงบ่อต้องแช่น้ำบ่อด้วยน้ำสะอาดอย่างน้อย 15 วันเพื่อไม่ให้บ่อมีกลิ่นซีเม็นท์ อยากทราบข้อมูลบ่อปลาเพื่มคลิ๊กที่นี่ครับ

น้ำเลี้ยงปลา


สาเหตุการตายอันดับหนึ่งของปลาคือน้ำ ปลาไม่กินอาหารเป็นเวลาหลายวันจะไม่ตาย แต่ถ้าน้ำไม่ดี หรือน้ำเน่าปลาจะตาย ทำไมจึงต้องมีการกรองน้ำ น้ำที่เลี้ยงปลาที่ดีที่สุดควรเป็นน้ำประปา ควรพักน้ำซัก 2-3 วันเพื่อให้คลอรีนระเหย น้ำประปา ได้ผ่านการฆ่าเชื้อโรคและบำบัดมาแล้ว และทางบริษัทผลิตน้ำประปายังยืนยันว่า เราๆ ยังสามารถดื่มได้อีกด้วยโดยไม่จำเป็นต้องต้มให้สุกก่อน จึงเป็น น้ำที่ดีที่สุดสำหรับการเลี้ยงสัตว์น้ำทั่วๆไป และค่า pH ของน้ำประปาไม่มีกรดหรือด่าง อยู่ตรงกลางพอดี แต่บางท่านอาจมีบ้านที่น้ำประปาไม่ใหลผ่าน โดยจำเป็นต้องใช้น้ำบาดาลหรือน้ำคลองเลี้ยงก็ได้ ท่านควรใช้เครื่องวัดค่า pH ของน้ำนะครับ หาซื้อได้ที่ จตุจักร เขายังมีขายกรด & ด่าง เพื่อเพิ่มหรือลดค่า pH อีกด้วย ควรซื้อพร้อมกันครับ น้ำดีทำให้ปลาไม่เครียด และว่ายน้ำตลอดเวลา ไม่ทำให้ปลาเป็นโรค หรือแทบไม่ต้องใช้ยารักษาเลย ให้สังเกตุตลอดเวลาว่าปลาว่ายน้ำอย่างมีความสุขหรือไม่ หรืออยู่เฉิยๆ หรือไม่กินอาหาร นั่นเป็นวิธีง่ายๆ ว่าน้ำที่เราใช้เลี้ยงปลาดีหรือไม่ครับ! หรือถ้าท่าน ซีเรียด ท่านก็ควรซื้อเครื่องวัดน้ำต่างๆ (Test Kit) พวกนี้ราคาสูงมาก เป็นของนำเข้า


การเลือกปลา


การ เลือกปลาควรเลือกตัวเล็กๆ ก็เหมือนซื้อลูกนก หรือลูกป้อนนั่นเอง จะทำให้เขาคุ้นกับเรามากกว่าซื้อตัวใหญ่ เราต้องเป็นคนที่เลือกเองจงมั่นใจในตัวเองพยายามอย่าให้คนขายเลือกเพราะคน ขายส่วนใหญ่มักจะเลือกปลาที่ไม่แข็งแรงและปลาผิดสเป็คให้ (เขาทราบแน่นอน) เราควรเป็นคนกำหนดเองว่าเป็นปลาตัวใหน ถ้าท่านไม่ชำนาญเรื่องการเลือก ควรหาผู้รู้ไปเลือก หรือซื้อกับฟาร์มที่เชื่อถือได้ ปลาที่จะซื้อต้องจับยาก ว้ายน้ำเก่งและแข็งแรง ไม่ซึม พิจารณาถึงรูปร่างด้วย ได้สัดส่วน ผิวไม่มีตำหนิ เกล็ดไม่ร่วง ตามตัว หรือ ครีบ หาง ไม่มีแผล จงระวังการซื้อปลา ท่านอาจซื้อปลาที่ติดโรคมา ซึ่งอาจทำให้ปลาที่มีอยู่เดิมตายยกบ่อได้ ปลาคาร์พแพงหรือถูกไม่ใช่อยู่ที่ขนาดใหญ่ แต่เป็นที่ลายและสี ของปลา ปลาคาร์พมีหลายสีต่างก็มีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่นมากมาย ปลาที่แพงไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นปลาสวย บางตัวแพงเพราะเป็นลายที่หายาก แต่อาจดูไม่สวยก็ได้ ปลาที่มีราคาคือมีลาย เป็นระเบียบเรียบร้อย ดูกลมกลืนขอบสีต้องคม ลายที่นิยม เช่น ตันโจเป็นต้น เพราะว่าไปเหมือนธงชาติของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าปลาจะมีสีเดียว หรือสลับสี 2 หรือ 3 สี ลายสีต้องเรียบร้อย เป็นสัดส่วน ไม่เปรอะ เลอะ สีปลา ต้องมีเฉพาะด้านหลังของปลาเท่านั้น ถ้าเกิดขึ้นที่แก้ม ที่ท้อง หรือที่ครีบ ราคาจะตกอย่างมาก คนที่เพาะปลาขาย แต่ละคอกอาจไม่มีลายตาม สเป็ค เลยก็ได้ ทำให้ขายไม่ได้ราคา ลาย สวยๆตามตำรานั้น ราคาเป็นหลักหมื่นหรือหลักแสนครับ อย่าบอกว่าแพง เพราะเขาคัดมาจากจำนวนมากทีเดียว เหลือไม่กี่ตัวที่มีลายตามตำรา ส่วนใหญ่ปลาที่มีลายตามตำราจะนำเข้าจากญี่ปุ่นครับ คนญี่ปุ่นเป็นคนทำ อะไรจริงจังและตั้งใจมาก

หลายท่านเข้าใจว่าปลานำเข้ามักเป็นปลาที่ดี ไม่จริงครับ ปลาไทยที่ดีมีมากมายเ พียงแต่ปริมาณการเลี้ยงของเราสู้ญี่ปุ่นไม่ได้คือบ้านเรามีปลาให้คัดเลือกน้อยกว่าญี่ปุ่น ทางญี่ปุ่นเขาเลี้ยงเป็นล่ำเป็นสันเขามีสูตรในการผสมข้ามพันธ์ ทำให้เกิดสีแปลกๆ จึงทำราคาได้ดี คนเลี้ยงจึงมีกำลังใจและมีความหวัง เพราะ ผู้เลี้ยงรายย่อยมีโอกาสเข้าประกวดและมีโอกาสคว้ารางวัลใหญ่ๆ ตลอดเวลา เมื่อชนะเขาจะเป็นคนมีชื่อเสียงและฐานะดีขึ้นมาทันที เรามีความรู้สึกว่าปลานอกดีกว่าปลาไทย ถ้าบ้านเรา Serious เอาจริงเอาจังกับการเลี้ยงปลาคาร์พ เราได้ปลาที่ดีกว่าญี่ปุ่นแน่นอน ผมจะรอวันนั้นครับ! และผมจะมีความสุขที่สุด!

ปลาที่ไม่นิยม หรือพวกตกสเป๊ก พวกนี้จะหาง่ายมากตาม ตลาด JJ เขาจะเลาะทิ้งและขายใน ราคา แค่ 10-20 บาทเท่านั้น หรือด้อยลงมาจาก สเป็คหน่อย ราคาก็เป็นแค่หลัก ไม่กี่ร้อย

ข้อควรระวังอย่างยิ่ง เมื่อท่านได้ซื้อปลาจากร้านทั่วๆ อย่าเพิ่งปล่อยปลาลงบ่อทันทีนะครับ ต้องแช่ปลาพร้อมถุงที่ซื้อมาลงในบ่อก่อนอย่างน้อย 5 นาที เพื่อให้ปลาปรับอุณหภูมิก่อน แล้วค่อยเปิดถุงปลา และ ปล่อยปลาลงบ่อ เป็นวิธีเพื่อไม่ให้ปลา ช๊อคน้ำครับ ทำนองเดียวกัน ถ้าท่านต้องการทำบุญปล่อยปลาตามแม่น้ำลำคลอง ก็ใช้วิธีนี้เช่นกัน มิฉนั้นแทนที่จะได้บุญกลับได้บาปเสียอีกนะ ผมขอแนะนำอีกเรื่อง ก็คือ เมื่อปล่อยปลาลงบ่อแล้ว อย่าเพิ่งให้อาหารปลาครับ อย่างน้อย 2-3 วัน เพราะว่าปลากำลังเปลี่ยนสถานที่ และเปลี่ยนน้ำ ปลาจะเครียดและ ทำให้ระบบย่อยอาหารไม่ดี เมื่อกินอาหาร อาจทำให้ท้องอืดและท้องเสีย อาจตายได้ครับ ผมเองเจอมาแล้ว ทำใจไม่ได้เป็นเวลาหลายวันทีเดียว ต้องใจเย็นนะครับ!



การเลี้ยงปลา


ปลาคาร์พจัดว่าเป็นปลาที่อึด ทน แข็งแรง เลี้ยงง่าย ไม่ต้องดูแลมากเหมือนสัตว์เลี้ยงอื่นๆ สามารถปรับตัวได้ดีกับสภาพอากาศต่างๆ และน้ำที่เลี้ยงได้เป็นอย่างดี เป็นปลาที่น่ารักมาก เชื่อง รักสันติ เป็นปลาที่ชอบสังคม ชอบอยู่เป็นกลุ่ม เพราะฉนั้น เราควรเลี้ยงอย่างน้อย 3 ตัวในบ่อๆ หนึ่ง ระบบน้ำเลี้ยงนั้น น้ำต้องวนตลอดเวลา คือการใช้ปั้มน้ำ เพื่อผ่านขบวนการ การกรองตลอดเวลา ถ้าท่านมีพื้นที่เลี้ยงใหญ่หน่อย และปล่อยปลามากหน่อย ปลาจะว่ายน้ำเป็นฝูง สวยงามมาก ทำให้เราเพลิดเพลิน พวกเขาอย่างมีความสุข ปลาคาร์พกินอาหารไม่ค่อยเลือกเช่น ลูกน้ำ กุ้งฝอย หนอนนก อาทีเมีย แต่อาหารสดมีเชื้อโรคมากมาย ผมไม่อยากแนะนำให้ใช้หรอกครับ ใช้อาหารเม็ดดีกว่า เวลานี้อาหารปลาคาร์พมีจำหน่ายแบบสำเร็จรูป เป็นจำนวนมาก แล้วแต่ยี่ห้อ ควรให้อาหารพวกผสม สาหร่ายสปิฐลิน่า (สาหร่ายเกลียว) เพื่อเร่งสี และความเพลิดเพลินในสีที่สวยงาม บางครั้งเราอาจลืมซื้ออาหารให้ปลา ก็ สามารถใช้พวกอาหารทั่วไปเช่น อาหารเม็ดสำหรับปลากินพืช หรืออาหารปลาดุก อาหารกบก็ได้ ถ้าไม่มีจริงๆ ข้าวสวย หรือขนมปัง แก้ขัดไปก่อนก็ยังได้ แต่ต้องระวังอย่าให้น้ำเสีย ปลาคาร์พจะกินแก่งมาก เราอย่าตามใจเขา เขาอิ่มยังต้องการกินอีก เพราะการกินมากเกินไปจะทำให้ปลาถ่ายของเสียมากทำให้น้ำเน่าเร็ว เมื่อมีตระไคร่น้ำเกาะขอบบ่อ ไม่ควรขัดออก เพราะนั่นเป็นสารอาหารอย่างดีของปลา และยังเป็นการรักษาระบบนิเวศน์ได้อย่างดี อากาศหนาวไป หรือร้อนมาก ปลาจะกินอาหารน้อยหรือไม่กินเลย อย่าฝืนครับ โชคดีที่บ้านเรามีหน้าหนาว แบบไม่หนาวมากและมีไม่นาน ต้องคอยระวังถ้าปลากินอาหารไม่หมด จะเหลือเศษอาหารทำให้น้ำเสียได้ต้องคอยตักออก เลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่มีชิวิต ทุกอย่างต้องดูแลอย่างดีนะครับ ต้องคอยสังเกตุว่าปลามีอาการแบบใหน ผิดปรกติไม๊เป็นต้น อ๊อกซิเย็นต์ ต้องมีตลอดเวลาทั้ง กลางวันหรือกลางคืน บ่อมาตรฐานนั้นช่างเขาจะเน้น ระบบ แอร์เจ๊ท ให้อยู่แล้ว สร้าง อ๊อกฯ ได้ดีอยู่แล้ว

แสงแดดก็เป็นสิ่งสำคัญมาก ควรมีแดดส่อง อย่างน้อยซัก 3-4 ชั่วโมงต่อวัน ควรให้ช่างทำบ่อมีร่มเงาบ้าง มีแดดส่องถึงบ้าง ถ้าแดดร้อนจัด ปลาเขาจะไปแอบในที่ร่มเองอย่างมีความสุข เหมือนคนที่อยู่นอกบ้านนานๆ จะเข้าไปหลบในที่ร่ม หรือศูนย์การค้าอะไรอย่างนั้น ควรทำสะพานเล็กๆ สำหรับคนข้ามเพื่อความสวยงามของบ่อ และตัวปลาจะชอบแอบอยู่ใต้สะพานด้วย สำหรับบ่อปลาที่อยู่ภายในบ้าน ก็ให้มีนีออน แสงอาทิตย์ โดยการตั้งเวลา timer บางท่านชอบปลูกไม้น้ำในบ่อปลา ผมไม่สนับสนุนครับ เพราะใบไม้ที่เน่ามีผลไม่ดีต่อปลา ถ้าปลาโตขึ้นนั่นหมายความว่าประชากรเริ่มหนาแน่น ควรตักบางตัวออกบ้าง

ปลาป่วย


ปลาก็เหมือนคน มีอาการป่วย แล้วแต่ความต้านทานโรคของปลาแต่ละตัวไม่เหมือนกัน หลายท่านเข้าใจผิดว่าต้องโรยยาลงในบ่อเพื่อฆ่าเชื้อ ทั้งๆ ที่ปลาไม่เป็นอะไร ไม่ควรครับ เพราะนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ปลาดื้อยา โรคของปลาส่วนใหญ่จะเป็น เชื้อโรคจากแบ็ตทีเรีย อาการต่างๆ เราสังเกตุได้ไม่ยาก คือ ปลาจะไม่กินอาหาร และมีอาการซึม มักจะแอบอยู่ตามซอกหรือมุมบ่อ ควรแยกปลาป่วยออกและสังเกตุ โรคเฉพาะอย่าง อย่างเช่นโรคเน่าเปลื่อย โรคจุดขาว หนอนสมอ เชื้อรา เห็บ ยามีจำหน่ายที่ร้านขายปลาทุกชนิดเวลาซื้อต้องบอกอาการของปลาก่อน ถ้าผู้ขายไม่ทราบการจัดยา เราควรอ่านฉลากยาเองครับ ยานั้นจะเป็นยาปฎิชีวนะส่วนใหญ่ ผู้เขียนเองไม่ทราบอาการป่วยของปลา บางครั้งเคยใช้พวกยาแก้อักเสบหรือยาเหลืองที่ใช้กับคนก็ได้ผลบ้าง แต่ต้องใช้ติดต่อกันอย่างน้อย 3 วัน เพื่อไม่ให้ปลาดื้อยา (เหมือนคน) แต่อย่างไรก็ตามปลาแทบจะไม่ป่วยถ้าท่านเลี้ยงแบบถูกต้อง ถ้าน้ำไม่ดีเราอาจดูดน้ำจากก้นบ่อออกบ้าง ไม่เสียของหรอกครับ ดูดไป รดต้นไม้ในสวนของเราไป ได้ปุ๋ยดีอีกด้วยนะครับ

ศัตรูของปลาคาร์พ

ถ้าบ้านท่านอยู่ในตัวเมืองก็ไม่ต้องกลัว แต่ถ้าอยู่ในชนบท ต้องระวังพวกนกกินปลาต่างๆ ตัวนาก ตัวเงินตัวทอง งู ถ้าท่านพบว่าปลาของท่านถูกทำร้าย อาจมีแผลต้องแยกปลาออกมารักษาต่างหาก โดยการโรยยา ปลาบาดเจ็บจะไม่กินอาหาร ไม่ต้องห่วงครับ ไม่ต้องให้อาหารในเวลานี้ ยิ่งเราฝืนให้อาหารอีก น้ำจะเสีย ทำให้เกิดการเพาะเชื้อโรคมากขึ้น เมื่อปลามีอาการดีขึ้นให้สังเกตุปลาเริ่มเคลื่อนใหว

ข้อคิดสำหรับท่านที่ต้องการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงต่างๆ

สัตว์เลี้ยงทุกชนิด มีชีวิต มีจิตใจ มีความรู้สึก มีความสุข มีความเครียด คล้ายๆ มนุษย์ ฉนั้นพยายามเลี้ยงเขาให้ดี เขาจะเป็นเพื่อนรักที่ดีของเราทีเดียว อย่านำมาเลี้ยงเพียงแค่คิดว่าเขาเป็นตุ๊กตา หรือเป็นของเล่นที่น่ารักเท่านั้น คนเรามักจะซื้อมาเลี้ยงเมื่อเห็นเขายังเป็นลูกป้อน ตัวเล็กๆ น่ารักๆ เช่นกระรอกกระต่ายหนูเฮมฯ หนูไมส์ กิ้งก่าอีกัวน่า เป็นต้น ต่อมาเมื่อโตขึ้นความน่ารักจะหายไป อาจดุร้ายหรือไม่เชื่อง จนคนเลี้ยงต้องกำจัดโดยวิธีต่างๆ เช่น เอาไปปล่อยเป็นต้น เมื่อท่านเอาไปปล่อยนั่นหมายความว่าท่านกำลังฆ่าเขา เพราะเขาไม่สามารถดำเนินชีวิตตามธรรมชาติได้ และสัตว์เลี้ยงบางชนิดเป็นสัตว์สายพันธุ์จากต่างประเทศ เช่นนกหงษ์หยก นกคีรีบูน นกซีบ้าฟิ๊นท์เป็นต้น พวกนี้กินเมล็ดข้าวต่างๆ ที่ เป็นของนำเข้าเท่านั้นถึงแม้ว่านกเหล่านี้ได้เพาะในไทยนานแล้วก็ตาม แต่อาหารของเขาคือ ข้าวไรน์ เมล็ดมิลเล็ท ดอกหญ้าต่างประเทศ บ้านเราตามธรรมชาติไม่มี ถ้าท่านเบื่อและปล่อยไป แน่นอน dead อย่างเดียว ท่านอาจเคยเลี้ยงนกปรอทจุกซึ่งเป็นนกสายพันธุ์ไทยและถิ่นกำเนิดอยู่ประเทศใกล้เคียง ที่กำลังนิยม ผมเคยลองเอากล้วยหอม กล้วยใข่ให้กิน (แน่นอนเป็นกล้วยจากต่างประเทศที่ปลูกในไทยนานแล้ว) นกปรอทจุกไม่ชอบเลยถ้าไม่หิวจริงๆจะไม่กิน แปลกมาก! ทุกวันนี้ผมยังงงอยู่ ไม่ทราบเพราะอะไรทั้งๆที่มันอร่อยกว่ากล้วยน้ำว้า ซึ่งเป็นอาหารหลักและเป็นของโปรดของนกปรอทจุก

เลี้ยงสัตว์เลี้ยงทุกชนิดต้องเลี้ยงด้วยความรักและต้องมีเวลาให้เขาครับ! คอยดูแลอย่าให้เจ็บให้ใข้ ถ้าท่านไม่พร้อมด้วยประการใดๆ ก็ไม่ควรเลี้ยง