Friday, January 14, 2011

พื้นฐานในการเลี้ยง กุ้งเรดบี Red Bee Shrimp









ในบรรดากุ้งแคระทั้งหมด เจ้าเรดบีนับว่าเป็นกุ้งที่เลี้ยงยากที่สุด หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นกุ้งปราบเซียนเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นผู้ที่สนใจที่จะเลี้ยงกุ้งชนิดนี้ จึงควรมีพื้นฐานบางประการ เพื่อที่จะเลี้ยงกุ้งชนิดนี้ได้อย่างมีความสุข

1. พื้นฐานในการเซ็ทตู้ไม้น้ำ
การเลี้ยงกุ้งเรดบี จำเป็นต้องมีพื้นฐานในการเลี้ยงไม้น้ำมาก่อนจะดีมากครับ ทั้งนี้ในการเลี้ยงเรดบีควรปลูกไม้น้ำให้พวกมันด้วยครับ เพราะระบบนิเวศน์ที่ดีต้องมีทั้งพืชและสัตว์ที่ต้องเกื้อกูลกัน ทั้งใช้เป็นที่หลบซ่อนตัว ช่วยลดความเครียด และไม้น้ำยังอยู่ในกระบวนการย่อยสลายไนเตรท์ ไนเตรทของเสียที่เกิดจากกุ้งด้วยครับ

2. พื้นฐานในการเลี้ยงกุ้งแคระ
กุ้งแคระมีมากมายหลากหลายสายพันธุ์ครับ มีทั้งเลี้ยงง่ายและเลี้ยงยาก มีทั้งที่ชอบค่า pH สูง (เป็นด่าง) และชอบ pH ต่ำ (เป็นกรด) เรดบีเป็นกุ้งที่ชอบค่า pH ต่ำครับ และเป็นกุ้งแคระที่เลี้ยงยากที่สุด เรื่องมากที่สุด แต่ก็เป็นกุ้งแคระที่สวยที่สุด ดังนั้นการมีพื้นฐานในการเลี้ยงกุ้งแคระที่เลี้ยงง่ายก่อน จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้เพื่อให้เข้าใจนิสัยและลักษณะความเป็นอยู่ของพวกมัน กุ้งแคระที่เลี้ยงง่ายและเป็นที่นิยมมีหลายชนิด เช่น Cherry, Tiger, Blue, Bee, Green เป็นต้น เช่นเดียวกับการก้าวขึ้นบันได หากเราก้าวข้ามขั้นไปอาจพลาดพลั้งตกลงมาได้ครับ การค่อยเป็นค่อยไปและเดินไปทีละขั้น จึงเป็นการกระทำที่คุ้มกับความพยายามที่สุด

3. มีกำลังใจและความชื่นชอบอย่างแท้จริง
ถ้าหากขาดสองสิ่งนี้ไป การเลี้ยงกุ้งเรดบีคงไม่สำเร็จแน่ๆ และกว่าผมจะมาถึงจุดนี้ได้ มีกุ้งเรดบีหลายชีวิตได้สูญเสียไป หากไม่ใช่เพราะความชื่นชอบและตั้งใจจริง ผมคงเลิกล้มความตั้งใจไปนานแล้ว ชีวิตน้อยๆ ที่ได้สูญเสียไป คงไม่สูญเสียไปอย่างไร้ประโยชน์ แต่กลายมาเป็นบทความ เป็นประโยชน์ให้เพื่อนๆ ...เท่านี้ก็บรรลุความตั้งใจของผมแล้วครับ

อุปกรณ์ที่สำคัญและวิธีการเลี้ยง Red Bee Shrimp

1. ตู้เลี้ยง
ควรมีขนาด 24" ขึ้นไปครับ จากข้อมูลเบื้องต้นที่เราทราบกันไปแล้วว่ากุ้งเรดบีเป็นกุ้งที่มีความเปราะบางและไวต่อสารเคมีต่างๆ ดังนั้น เมื่อตู้ที่มีขนาดใหญ่เท่าใดก็สามารถรับมือกับปัญหาต่างๆ ได้ดีขึ้นเท่านั้น กุ้งเรดบีเป็นกุ้งขนาดเล็ก ขนาดเพียง 3-4 เซนติเมตรเท่านั้น แต่พวกมันก็ต้องการพื้นที่ในการว่ายน้ำที่กว้างขวาง และเพื่อคุณภาพน้ำที่ดีอยู่เสมอ
===> ตู้ขนาด 24" สามารถเลี้ยงกุ้งเรดบีได้กี่ตัว? **** 30 ตัวหรือมากที่สุดก็น่าจะซัก 60 ตัว ถ้าระบบตู้ของคุณพร้อมและสมบูรณ์จริงๆ ****

2. วัสดุรองพื้นตู้ - วัสดุรองพื้นปลูก
การปลูกไม้น้ำในตู้เรดบีมีความสำคัญอย่างยิ่ง นอกจากจะเป็นที่หลบซ่อนตัวและลดความเครียดให้กุ้งแล้ว ยังช่วยเติมเต็มวัฏจักรของแบคทีเรียอีกด้วย วัสดุปลูกที่นิยมที่ใช้กับตู้เรดบีคือ ดินภูเขาไฟ ดินภูเขาไฟที่ผมแนะนำที่ยี่ห้อ ADA ชนิด Amazonia (หาซื้อได้ตามร้านจำหน่ายไม้น้ำในจตุจักรพลาซ่าและร้านขายไม้น้ำชั้นนำทั่วไปครับ) ดินภูเขาไฟนอกจากจะช่วยให้ไม้น้ำที่ปลูกเจริญงอกงามดีแล้ว ในดินภูเขาไฟยังสามารถลดค่า pH และ KH ได้ด้วยครับ แต่ข้อเสียของดินภูเขาไฟอยู่ที่เมื่อใช้นานเข้ามันจะเกิดการยุบตัวลง (แต่ผมใช้มานานกว่า 3 ปี ทำไมไม่มีปัญหาอะไรเลย) เคล็ดลับของผมก็คือ (จริงๆ ไม่ลับหรอกครับ) ผมใช้ ADA Powersand ชื่อนี้เพื่อนๆ หลายคนคงสงสัยว่า มันเป็นทรายอะไร มันไม่ใช่ทรายหรอกครับ มันคือหินพิมมัสขนาดเล็กนั่นเอง ส่วนของยี่ห้อ ADA จะมีการผสมแบคทีเรียและอื่นๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น วัตถุประสงค์คือการช่วยยืดอายุการใช้งานของดินและช่วยให้ออกซิเจนไหลผ่านชั้นดินด้วยครับ

3. เครื่องกรองและไส้กรอง
สำหรับการเลี้ยงเรดบี เครื่องกรองที่กรองได้มีประสิทธิภาพที่สุดนั้นคือ กรองนอกครับ กรองนอกมีหลายยี่ห้อ หลายขนาด หลายราคาให้เลือกใช้ ผมไม่เจาะจงที่ยี่ห้อใดครับ เพียงแต่เลือกกรองที่รองรับปริมาณน้ำไหลผ่านได้มากขึ้นกว่ามาตรฐานของตู้เราหน่อยครับ กรองนอกจะมีพื้นที่ในการกรองมาก สะดวกในการทำความสะอาดและไม่รบกวนภายในตู้ ยิ่งไปกว่านั้น กรองนอกยังสามารถเลือกใส่ไส้กรองได้หลากหลาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกรองให้ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วย ไส้กรองนับเป็นสิ่งสำคัญทีเดียวครับ เพราะถึงแม้เครื่องกรองจะแพงและดีซักแค่ไหน แต่ไส้กรองไม่มีประสิทธิภาพก็ไม่มีประโยชน์อะไรครับ ไส้กรองนอกจากจะมีหน้าที่กรองสิ่งปฏิกูลแล้ว ยังเป็นที่อยู่ของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในกระบวนการย่อยสลาย และกำจัดเคมี, แอมโมเนีย, ไนไตรท์ และไนเตรทอีกด้วย ไส้กรองที่ห้ามใช้เด็ดขาดคือปะการัง เพราะปะการังจะทำให้ pH ขึ้นไปสูงมาก อาจสูงถึง pH 11 ในเศษปะการังใหม่ ไส้กรองจากประเทศญี่ปุ่นมีคุณสมบัติช่วยลดค่า pH ด้วยนั้นมีราคาที่สูงมาก ผมจึงขอผ่านสำหรับผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ ไส้กรองที่แนะนำควรเป็นเซรามิคริง และ Substrate Pro เพราะมีรูพรุนที่มากขึ้น เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของแบคทีเรียที่มากขึ้น ประสิทธิภาพในการกรองก็จะมากขึ้นตาม นอกจากนี้ถ่านคาร์บอนที่ใส่ในเครื่องกรองก็สำคัญไม่แพ้กัน ทั้งช่วยดูดสี ดูดกลิ่นแล้วยังช่วยดูดสารอาหารหรือปุ๋ยส่วนเกินในน้ำอีกด้วยครับ ข้อสำคัญในการทำความสะอาดเครื่องกรองก็ไม่ควรมองข้ามครับ ในการล้างเครื่องกรองในแต่ละครั้ง ควรจำไว้ว่าห้ามใช้น้ำประปาล้างเด็ดขาด ควรใช้น้ำเก่าจากตู้ชะล้างคราบสกปรกออกจากชั้นกรองแต่ละชั้นเท่านั้น เพราะน้ำประปาจะทำลายอาณาจักรแบคทีเรียในกรองทั้งหมดภายในพริบตา และการล้างกรองไม่ควรล้างบ่อยครับ อาจถอดล้าง 3 เดือนครั้ง แต่ใยแก้วและฟองน้ำควรเปลี่ยนทุกๆ อาทิตย์ครับ
อุปกรณ์ที่สำคัญอย่างยิ่งที่ใช้คู่กับเครื่องกรองนอกคือ ฟองน้ำที่ใช้ครอบท่อน้ำออก (ท่อน้ำที่ดูดน้ำจากตู้มาเข้าเครื่องกรองครับ) ส่วนปลายของท่อน้ำออกจะมีตะกร้อเพื่อดักเศษใบไม้ไม่ให้เข้าไปในเครื่องกรองอีกที ตรงบริเวณนี้เราควรหาฟองน้ำมาสวมครอบตะกร้อไว้อีกที (เป็นฟองน้ำสำหรับสวมทับตะกร้อโดยเฉพาะ เท่าที่ผมเดินหาซื้อน่าจะมีที่ร้าน White Crane ครับ) ฟองน้ำนี้มีหน้าที่ป้องกันเจ้าเรดบี และลูกๆ ของมันไม่ให้ถูกดูดเข้าไปในเครื่องกรอง และควรทำความสะอาดฟองน้ำดังกล่าวทุกอาทิตย์ด้วยครับ

4. เครื่องทำความเย็น (Chiller)
Chiller เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญทีเดียวในการเลี้ยงกุ้งชนิดนี้ เนื่องจากประเทศไทยเป็นเมืองร้อน อุณหภูมิตู้อาจสูงถึง 30 ํ C โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อนของเดือนเมษายนแล้ว อุณหภูมิอาจสูง 32 ํ C ได้เลยครับ เครื่องปรับอากาศสามารถช่วยลดอุณหภูมิได้ช่วงหนึ่งเท่านั้น และส่วนมากเมื่อคุณไม่อยู่บ้าน มักจะปิดเครื่องปรับอากาศเสมอ คำถามสุดฮิตคือ เรดบีสามารถดำรงชีวิตในอุณหภูมิที่สูงกว่า 27 องศาได้หรือไม่ ผมตอบได้เลยครับว่า ได้แน่นอน แต่การเจริญเติบโต, สีสัน, อายุขัยและการเจริญพันธุ์จะด้อยลงตามสภาพแวดล้อมที่เราจัดให้พวกเค้าอยู่ครับ
อุณหภูมิช่วงที่ดีที่สุดสำหรับเรดบีคือ 22-25 ํ C หักลบไม่เกินไปกว่านี้ ซึ่งอุปกรณ์ที่สามารถคงระดับของอุณหภูมิไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพคือ ชิลเลอร์ครับ ส่วนพัดลมนั้นสามารถลดอุณหภูมิได้ 1-2 ํ C เท่านั้น ซึ่งหมายความว่ามันสามารถลดอุณหภูมิตู้คุณได้มากที่สุดคือประมาณ 27-28 ํ C เท่านั้น จากประสบการณ์ของผม กุ้งเรดบีเกรดธรรมดาสามารถดำรงชีวิตได้ในอุณหภูมิเช่นนี้ แต่ความสมบูรณ์เมื่อกุ้งต้องการเจริญพันธุ์นั้น นับได้ว่ามีความสมบูรณ์น้อยมาก จะเห็นได้ชัดว่ากุ้งไม่เจริญอาหาร และชอบแอบซ่อนตัว ยิ่งถ้าเป็นกุ้งเกรดสูงๆ ขึ้นไป คงไม่มีใครกล้าเสี่ยงเป็นแน่แท้ กุ้งในอุณภูมิ 27 องศาขึ้นไป สามารถท้อง และไข่สามารถฟักเป็นตัวได้ครับ แต่อัตราการรอดนั้น มีเพียง 5-10% เท่านั้น ลูกกุ้งส่วนมากที่ฟักออกมาได้ โดยมากจะตายหรือหายสาปสูญไปในอาทิตย์แรก แตกต่างกับตู้ที่มีการติดชิลเลอร์ แม่กุ้งจะแข็งแรง และสังเกตได้ชัดว่ามีไข่เยอะมาก อัตราการฟัก มีถึง 70-80% ลูกกุ้งเจริญอาหารและเติบโตได้รวดเร็ว และนี่คือข้อดีของชิลเลอร์ในการเลี้ยงเรดบี ซึ่งนับได้ว่าสมควรมีอย่างยิ่ง ถ้าใจรักที่จะเลี้ยงพวกเค้าครับ ชิลเลอร์มีหลายยี่ห้อ หลายขนาด หลายราคาครับ ผมไม่ขอเจาะจงยี่ห้อใดๆ ครับ หลักในการเลือกซื้อก็เหมือนเครื่องกรองนอกครับ คือเลือกขนาดที่รองรับน้ำในตู้ของเราให้มากกว่ามาตราฐานสักเท่าหนึ่ง เพื่อที่เครื่องชิลเลอร์จะไม่ต้องทำงานตลอดเวลาและสามารถช่วยยืดอายุการใช้งานครับ

5. ระบบไฟ - ระบบแสงสว่าง
ระบบไฟในตู้เรดบี นอกจากจะช่วยให้เจ้าเรดบี อวดสีสันได้ชัดเจนขึ้นแล้ว ยังใช้ให้ต้นไม้ที่ปลูกในตู้เรดบีสังเคราะห์แสงและเจริญเติบโตอีกด้วย ผมขอแนะนำต้นไม้ที่นิยมปลูกในตู้เรดบี อาทิเช่นมอสต่างๆ หรือไม้ข้อ (Stem Plant) ชนิดที่เลี้ยงง่ายๆ เช่นโรท่าร่าต่างๆ พวกมันต้องการแสง 20 วัตต์ เพียงสองหลอดเท่านั้น ก็สามารถเจริญงอกงามได้ ยิ่งถ้าใช้ดินภูเขาไฟเป็นพื้นปลูกด้วยแล้ว ไม้น้ำที่ว่ากันว่าต้องการทั้งปัจจัยแสงที่จัดและคาร์บอนที่สูงนั้น กลับขึ้นสวยงามในสภาวะจำกัดอย่างน่าแปลกใจ ยกตัวอย่างเช่น กลอสโซ (Glossositgma elatinoides)

6. อาหารและอาหารเสริม
เราควรมีตำแหน่งหรือบริเวณที่ให้อาหารกุ้งอย่างเป็นสัดส่วนครับ เพราะอาหารที่เราให้เรดบีจะเป็นอาหารชนิดจมน้ำทั้งหมด เวลาอาหารแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน อาจโดนกระแสน้ำพัดกระจายไปติดอยู่ตามซอกมุมที่ไม่สามารถทำความสะอาดได้ ควรหาภาชนะขนาดเล็ก เช่น ถ้วยน้ำจิ้มเล็กๆ หรือจานรองแก้วเล็กๆ ผมไม่จำกัดว่าทำมาจากวัสดุใดครับ ใส่ได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นดินเผาหรือเซรามิค แต่ที่ใช้แล้วรบกวนบรรยากาศภายในตู้น้อยที่สุดคือภาชนะที่ทำจากแก้วครับ
อาหารสำหรับกุ้งเรดบีที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยนั้นแทบไม่มีเลย จะมีบ้างที่ร้านค้าหิ้วมาเองจากประเทศญี่ปุ่น นั่นคืออาหารเรดบี Shirakura ซึ่งมีส่วนผสมของผักปวยเล้งด้วย แต่เราก็สามารถให้กุ้งเรดบีของเรากินอาหารสำเร็จรูปของปลาแพะหรือปลาซัคเกอร์ก็ได้ครับ และจากประสบการณ์ของผม Hikari Sinking Carnivore Pellets เป็นอาหารโปรดของเรดบีเลยทีเดียว นอกจากนี้ผักปวยเล้งลวก ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูเด็ดที่โปรดปรานของเรดบีเช่นกันครับ เราควรให้ผักปวยเล้งลวกอาทิตย์ละครั้ง อีกเมนูหนึ่งที่จะแนะนำแต่ไม่ควรให้บ่อยมาก นั่นคือ หนอนแดงแช่แข็ง เพราะปลอดภัยจากเชื้อโรคที่ชอบมากับอาหารสดและเราควรดูดเศษอาหารที่กุ้งกินเหลือวันต่อวันให้เป็นนิสัยนะครับ เพื่อคุณภาพน้ำที่ดีเสมอ

7. Montmorilonite
น้ำที่ใช้เลี้ยงกุ้งเรดบี เพื่อความสะดวกส่วนมากเราใช้น้ำประปาที่ผ่านการกรองและบำบัดคลอรีนเรียบร้อยแล้ว ในประเทศญี่ปุ่นกุ้งเรดบีเกรดสูงที่มีค่าตัวหลายแสนเยน ผู้เลี้ยงจึงต้องเพิ่มความเอาใจใส่ในเรื่องน้ำที่ใช้เปลี่ยนอีกด้วย ดังนั้นจึงมีผลิตภัณฑ์น้ำแร่สำหรับกุ้งเรดบีโดยเฉพาะ ในช่วงแรกๆ ที่ผมเริ่มเลี้ยงเรดบี ผมใช้น้ำแร่เปลี่ยนให้ทุกๆ อาทิตย์ และได้สังเกตเห็นในเมกกาซีนกุ้งเรดบีทุกฉบับ จะต้องมีก้อนสีขาวๆ วางอยู่ในตู้ด้วยทุกครั้ง ผมจึงเริ่มหาข้อมูลว่าก้อนสีขาวๆ นั่นคืออะไร คำตอบคือ Montmorilonite หินที่เกิดจากขี้เถ้าภูเขาไฟ (Volcano ash) จากแหล่งน้ำแร่ร้อนของประเทศญี่ปุ่น และสามารถพบได้อีกหลายแหล่งทั่วโลก มีทั้งในรูปแบบผลึก, หิน, โคลน หรือโคลนร้อน เช่น โคลนจากทะเลสาป Dead Sea ก็เป็น Montmorilonite อีกรูปแบบหนึ่ง หินชนิดนี้มีส่วนประกอบหลักเป็นแคลเซียมและโซเดียม นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วย ซิลิคอน แมกนีเซียม ไฮโดรเจนและเหล็กอีกด้วย แคลเซียมและสารประกอบต่างๆ นี้เอง ที่ช่วยในกระบวนการสร้างเปลือกของกุ้ง ช่วยทำให้ส่วนที่เป็นสีขาว มีสีขาวที่สดขึ้น (แต่ไม่ได้เพิ่มความหนาของเม็ดสีแต่อย่างใด) และคุณสมบัติที่น่าทึ่งขอ Montmorilonite อีกอย่างหนึ่งก็คือช่วยดูดซับสารพิษ โดยเฉพาะโลหะหนัก จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทางการแพทย์และเครื่องสำอางค์เลือก Montmorilonite ในการบำบัดรักษาโรคอีกด้วย สำหรับตู้กุ้งเรดบีการใส่หินชนิดนี้ลงไป จึงเป็นการบำบัดคุณภาพน้ำ เพื่อให้ปลอดซึ่งสารพิษและโลหะหนักอีกด้วย
หินชนิดนี้แยกได้หลายชนิด แบ่งตามสีซึ่งมีตั้งแต่สีขาว สีเทา สีเหลือง สีเขียวหรือสีชมพู แต่ที่นิยมใช้กับกุ้งเรดบีมีสองแบบ คือ แบบสีเทาและแบบสีขาว ผมขออนุญาตเรียกว่า White และ Grey Stone เพื่อความสะดวกครับ หินชนิดนี้มีจำหน่ายในวางการปลาสวยงามประเทศญี่ปุ่นอย่างแพร่หลาย โดยก่อนที่จะมีกุ้งเรดบี หินชนิดนี้ใช้ในวงการปลาคาร์พเกรดสูง เพื่อสุขภาพที่ดีของปลา ช่วยในด้านสีสันและช่วยบำบัดสารพิษ โลหะหนักในน้ำ ฟาร์มปลาคาร์พบางฟาร์มนิยมใช้ Montmorilonite แบบผงหรือแบบโคลนโรยที่ก้นบ่อดิน Montmorilonite แบบก้อนในบ่อปูนโดยใส่ไว้บริเวณบ่อกรอง สำหรับตู้เรดบีเรานิยมใส่ไว้ในตู้เลย สารประกอบจะค่อยๆ ละลายออกมาเอง สำหรับชนิดสีขาวจะมีความเปราะแตกง่ายเมื่อโดนน้ำ จึงควรหาภาชนะวางอีกทีเพื่อความสวยงามสำหรับชนิดสีเทาควรนำมาผ่านน้ำก่อน เพราะมีเศษผงติดอยู่จำนวนมาก จำนวนที่ใช้ถ้าเป็นแบบสีขาวก้อนเล็กๆ ประมาณนิ้วโป้ง ใช้ 10-15 ก้อน สำหรับตู้ 24" และแบบสีเทาปกติจะมีขนาดก้อนเท่ากำปั้นใช้เพียง 1 ก้อน สำหรับตู้ 24" Montmorilonite ในปริมาณที่แนะนำจะไม่มีผลต่อค่า pH แต่อย่างใด

8. แบคทีเรียสำเร็จรูปและการเซ็ทตู้กุ้ง
การเซ็ทตู้กุ้งเรดบีนั้น ควรทำอย่างช้าๆ และใจเย็นๆ เพื่อให้ระบบแบคทีเรียเซ็ทตัวและทำงานอย่างสมบูรณ์ ในช่วงที่เซ็ทตู้ใหม่นี้ วัฎจักรของไนเตรท แอมโมเนียที่เกิดจากเศษไม้น้ำที่เน่าสลาย ยังไม่สมบูรณ์เต็มที่รวมทั้งแบคทีเรียในเครื่องกรองและในชั้นดินยังมีไม่มากพอ เราจึงควรเติมแบคทีเรียสำเร็จรูปลงไป เพื่อช่วยเร่งกระบวนการของแบคทีเรีย แบคทีเรียสำเร็จรูปมีหลายชนิด ผมขอแนะนำแบคทีเรียที่สามารถซื้อได้ในประเทศไทย (เพื่อนๆ อาจดัดแปลงใช้ยี่ห้ออื่นได้ครับ) แบคทีเรียยี่ห้อ ADA สองชนิดคือ Green Bacter แบคทีเรียแบบน้ำ ใช้เติมกรณีเซ็ทตู้ใหม่และเติมทุกครั้งเมื่อเปลี่ยนน้ำ และ Bacter Ball แบคทีเรียแบบเม็ด ใช้ใส่ในเครื่องกรองเพื่อช่วยเร่งระบบแบคทีเรีย หรือใส่ลงในตู้กุ้ง เมื่อตู้เซ็ทได้สองเดือนขึ้นไปแล้ว เพื่อช่วยให้ระบบแบคทีเรียในชั้นดินสมบูรณ์ และช่วยให้ระบบย่อยอาหารของกุ้งมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น เฉลี่ยแล้วในการเซ็ทตู้เลี้ยงกุ้งเรดบี คือ 2-3 อาทิตย์ไปจนถึง 1 เดือน ระหว่างการเซ็ทตู้ควรเปลี่ยนน้ำสองหรือสามวันครั้ง ครั้งละ 20-30% ทุกๆ 5 วันหรือ 1 อาทิตย์ เพื่อคุณภาพน้ำที่ดีอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่ควรทำเป็นนิสัยคือดูดเศษอาหารกุ้งกินเหลือทิ้งทุกวันเพื่อป้องกัน ตัวพานาเรีย (มีลักษณะคล้ายปลิงขนาดเล็กประมาณ 1 เซนติเมตร จะปรากฏขึ้นเมื่อคุณภาพน้ำเริ่มแย่ หรือมีเศษอาหารที่กุ้งกินเหลือ และไม่ทำความสะอาดเป็นประจำ)

และทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลในการเลี้ยงกุ้งเรดบีโดยสังเขปครับ ยังมีรายละเอียดมากมายเกี่ยวกับการเลี้ยงเจ้ากุ้งชนิดนี้ ในการจะเลือกซื้อกุ้งผมแนะนำให้มั่นใจในเรื่องของเกรดกุ้งและราคาครับ สำหรับมือใหม่ควรเริ่มเลี้ยงที่เกรด A หรือ B ไปก่อนครับ เมื่อเริ่มมั่นใว่าเลี้ยงรอด และเข้าใจพวกมันมากขึ้นแล้ว ก็ค่อยๆ เปลี่ยนมาเลี้ยงในระดับ S ขึ้นไปครับ ควรซื้อกุ้งกับร้านค้าที่เชื่อถือได้เท่านั้น อาจสอบถามราคาใน Internet เพื่อเป็นแนวทางไว้ก่อนครับ การดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษคือสิ่งที่เจ้าเรดบีต้องการ

Red Bee Shrimp กุ้งแคระที่สวยที่สุด แพงที่สุด และเรื่องมากที่สุดครับ

การเลี้ยงต้นไม้น้ำ


สิ่งที่สร้างความสุขใจก็มีอยู่หลายอย่าง การเลี้ยงต้นไม้น้ำก็เป็นทางหนึ่งที่จะช่วยทำให้สุขภาพจิตของเราดีขึ้น มาดูกันว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น การเลี้ยงพรรณไม้น้ำเปรียบเสมือนการพักผ่อนอย่างนึง เมื่อคุณทำงานมาเหนื่อย ๆ มองไปที่ตู้พรรณไม้น้ำ ความเหนื่อยอ่อนก็สามารถบรรเทาลงไปได้มาก เป็นเพราะความเป็นธรรมชาติ ความอ่อนไหว และสีสันที่ช่วยผ่อนคลายสายตา อีกทั้งยังเสริมสร้างกินจกรรมภายในครอบครัวได้อีกทาง (เมื่อต้องช่วยกันตกแต่งตู้พรรณไม้น้ำ) การเลี้ยงพรรณไม้น้ำบางท่านคิดว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก มีเครื่องมือมากมายแต่ก็นี่ละครับศิลปะ ท่านต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ความตั้งใจ ความอดทน เพื่อความสำเร็จ และเมื่อได้มองความสำเร็จที่เกิดก็คิดแล้วคุ้มค่าครับ เรามาดูกันว่าทั้งหมดต้องมีอะไรกันบ้าง

อุปกรณ์
อุปกรณ์นับเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้พรรณไม้น้ำเจริญเติบโตได้ดี มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
ตู้ปลูกเลี้ยง ควรเป็นตู้ที่ไม่สูงเหมือนกับตู้เลี้ยงปลาทั่ว ๆไป (แต่ตู้ปลาปกติก็ใช้ได้) เนื่องจากการส่งสว่างของแสงจะไม่ทั่วถึง และสัสดูของตู้ก็มีอยู่ 2 แบบด้วยกันคือ แบบกระจกธรรมดา และ อคริลิค แบบกระจกธรรมดาจะมีราคาถูกว่ามาก แต่เป็นรอยขูดขีดได้ง่าย และตัวของตู้จะมีรอยต่อ ต่างจากแบบอคริลิค ที่จะไม่มีรอยต่อของตู้และทนทานรอยขูดขีดสูง แต่ราคาก็สูงตามไปด้วย ตู้ในปัจจุบันมีกการออกแบบมาสวยงามสามารถใช้เป็นฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านอย่างสวยงาม คุณสามารถเลือกแบบได้ตามความเหมาะสม

ระบบส่องสว่าง นับเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพรรณไม้น้ำที่สุด เพราะพืชต้องการแสงเพื่อใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสง ดังนั้นหลอดไฟที่ใช้ควรมีความสามารถเลียนแบบแสงจากธรรมชาติมากที่สุด โดยปกติเราจะให้แสงสว่างกับพรรณไม้น้ำนานประมาณ 10-12 ชั่วโมง และกำลังงานประมาณ 0.7 วัตต์/น้ำ 1 ลิตร (สำหรับหลอดฟลูออเรสเซนต์) จุดสำคัญที่ควบคู่ไปกับแสงคือ เมื่อแสงเพียงพอ ต้นไม้น้ำมีการสังเคราะห์ได้เร็ว ก็อย่างลืมปุ๋ยหรือสารอาหารต่าง ๆ ใส่ลงไปด้วย แสงสามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด 1.จากธรรมชาติ 2.จากอุปกรณ์ที่สร้างแสง

1.แสงจากธรรมชาติ
จะมีข้อดีตรงไม่ต้องซื้อหาและมีสิ่งที่พรรณไม้น้ำต้องการอยู่ครบถ้วน แต่นั้นก็หมายความว่าคุณต้องเอาตู้ไปตั้งไว้กลางแดด และนั้นก็คงจะไม่เหมาะนัก และอุณหภูมิก็เป็นอีกปัญจัยหนึ่งที่ปลาสวยงามของเราจะตายได้ด้วย

2.แสงจากอุปกรณ์ มีหลอดเมทัลไฮไลด์ , ฟลูออเรสเซนต์
หลอดเมทัลไฮไลด์ เป็นหลอดมีประสิทธิภาพสูงในการส่องสว่าง แสงสามารถส่องได้ถึงพื้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับโคมไฟด้วย ที่ช่วยรวมแสงให้ไปตำแหน่งที่ต้องการได้ และการติดตั้งหลอดแบบกำลังต่ำหลาย ๆ ดวงเพื่อช่วยให้การกระจายแสงสามารถทำได้ดียิ่งขึ้น ข้อเสียของหลอดประเภทนี้คือ ความร้อน ดังนั้นควรมีการยกระดับการติดตั้งให้สูงขึ้น หรือให้มีการระบายความร้อนของหลอดได้ดี ปัจจุบันมีอุปกรณ์ติดหลอดไฟที่สามารถระบายความร้อนได้ดีด้วย

หลอดฟูลออเรสเซนต์ ที่ใช้ในการเลี้ยงพรรณไม้น้ำจะมีความแตกต่างจากหลอดไฟตามบ้านตรงที่ คลื่นของแสงสเปกตรัมของแสง คุณควรใช้ให้ถูกชนิดด้วย ่หลอดชนิดนี้ราคาถูกกว่าแบบเมทัลไฮไลด์มาก แต่การใช้งานจะอายุสั้นกว่า การใช้ควรติดตั้งกับโคมไฟ และยกให้สูงจากตู้เพื่อระบายความร้อน

สารอาหาร
เป็นสิ่งที่จะทำให้พรรณไม้น้ำเจริญเติบโตสวยงาม แข็งแรง ดังนั้นเราควรรู้จักวิธีการใส่ปุ๋ย อย่างถูกวิธี และควรรู้ว่าปุ๋ยชนิดไหนช่วยอะไรบ้าง
1.การใส่ปุ๋ยควรใส่ครั้งละน้อย ๆ แต่บ่อยครั้ง เพื่อให้พรรณไม้น้ำได้นำไปใช้อย่างเต็มที่ ไม่ควรใช้มากเกินไปเพราะจะทำให้เหลือใช้
2.ควรจำกัดปริมาณ สารอาหารที่ไปเร่งการเจริญเติบโตของ ตะไคร่น้ำเช่น พวกแร่ธาตุ ฟอสเฟตอิออน หรือ ไนเตรตอิออน หากเกิดตะไคร่น้ำมากใช้พวกน้ำยากำจัดตะไคร่น้ำ ก็จะช่วยได้ หรือใส่ปลากินตะไคร่น้ำ

สารอาหารเป็นออกเป็นประเภทได้แก่ สารอาหารหลัก และสารอาหารรอง เรามาดูกันว่าพรรณไม้น้ำต้องการสารอาหารอะไรบ้าง

วัสดุปลูก
จะมีการใช้กรวดเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากสามารถดูแลรักษาง่ายกว่าการใช้ดินแดงหรือดินลูกรัง และพรรณไม้น้ำบางชนิดก็ใช้ขอนไม้ในการปลุก เช่นต้นอานูเบียส ข้อควรระวังในการใช้กรวดปะการังรองพื้น เนื่องจากกรวดปะการังมีแคลเซียมคาร์บอเนตเป็นส่วนประกอบ สารพวกนี้จะทำให้น้ำกระด้างไม่เหมาะสำหรับเลี้ยงพรรณไม้น้ำ และปลา ทดสอบได้โดยการหยดน้ำส้มสารชูลงบนกรวดจะเกิดเป็นฟองไม่แนะนำให้นำมาใช้

กรวด สามารถหาได้ง่ายตามร้านขายปลาสวยงาม คุณสมบัติของกรวดที่จะนำมาใช้รองพื้นคือ ขนาดไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป (ขนาดประมาณ 2-3 มิลลิเมตร) เนื่องจากกรวดเล็กเกินไปจะทำให้การชอนไชของรากทำได้ไม่ดี

ดินแดง หรือดินลูกรัง ก่อนใส่ดินให้นำกรวดปูพื้นก่อน แล้วค่อยนำดินที่ได้มาทับอีกชั้น ข้อดีของดินประเภทนี้คือมีแร่ธาตุเหล็กผมสมอยู่ในปริมาณมาก ทำให้เป็นประโยชน์ต่อพรรณไม้น้ำ บางท่านอาจสงสัยว่าใช้ดินสำหรับปลูกต้นไม้ทั่วไปได้หรือไม่ ดินสำหรับปลูกต้นไม้ทั่วไปจะมีสารประกอบอินทรีย์ปนอยู่มากทำให้ไม่เหมาะสำหรับการนำมาใช้

ขอนไม้ ต้นไม้บางชนิดอาศัยพวกขอนไม้ในการเจริญเติบโต เช่นอานูเบียส หรือพวกเฟริน มอส เป็นต้น ก่อนจะนำขอนไม้มาใช้ควรนำไปแช่น้ำก่อน เพื่อให้สีของไม้ละลายออกให้หมด

ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซนี้ต้นไม้จะนำไปใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสง โดยใช้รวมกับแสง การให้ CO2 ในปริมาณที่เหมาะสมจะทำให้พรรณไม้น้ำเจริญเติบโตได้ดี ปริมาณ CO2 ในน้ำสามารถตรวจได้โดยการใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ตรวจวัดค่า ph และ kh ก็ได้ ค่า ph เป็นตัวบ่งบอกว่า มี CO2 อยู่ในน้ำมากหรือน้อย เช่น ค่า ph สูงหมายถึงปริมาณ CO2 ต่ำเป็นต้น

ค่า pH ที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 6.4 ถึง 7.0 ปริมาณ CO2 ที่เหมาะสมอยู่ประมาณ 20-40 มิลลิกรัมต่อลิตร
วิธีการวัดทำได้ดังนี้ เช่น ค่า pH = 7.4 ค่า KH = 8 ดังนี้ปริมาณ CO2 = 9 มิลลิกรัมต่อลิตร จะเห็นว่ามีปริมาณของ CO2 น้อยกว่าที่กำหนด ให้ลด pH ไปที่ 7 หรือ 6.8 ก็จะได้ปริมาณ CO2 ที่ 24-37 มิลลิกรัมต่อลิตร (การเพิ่มค่า pH คือเพิ่ม CO2)

เราสามารถควบคุม CO2 ผ่านการนับฟองอากาศที่ถูกปล่อยออกมาจาก Bubble Counter (หาซื้อได้ที่ร้านขายพรรณไม้น้ำ)

เมื่อถึงเวลากลางคือให้ปิด CO2 เพราะพรรณไม้น้ำจะคาย CO2 ออกมาแทนออกซิเจนปัจจุบันมีอุปกรณ์ที่ช่วยให้การละลาย CO2 ทำได้ดี โดยผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพไม่อุดตันง่าย

อุปกรณ์กรองน้ำ
เครื่องกรองน้ำ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ กรอกภายในตู้ และกรอกภาพนอกตู้เครื่องกรอกภายในมีทั้งระบบชีวภาพ และ ใช้วัสดุเคมีทั้งสองอย่างสามารถทำให้น้ำใสได้เหมือนกัน และการใช้งานเครื่องกรองภายในมีข้อควรระวังอยู่บางประการ คือไม่ควรนำกรวดปะการังใส่เข้าไปด้วย และการกรองด้วยสารเคมีมีถ่านกรอง พีท เรซินกรองพิเศษ เป็นต้น
ถ่านกรองน้ำ ช่วยดูดสีเหลืองของน้ำที่ออกมาจากของเสียปลา และกรองน้ำยาที่ใช้ในการรักษาด้วย ดังนั้นควรย้ายออกเมื่อใส่ยาให้กับปลา และถ่านก็จะดูดซึมแร่ธาตุบางส่วนไว้ ดังนั้นเมื่อน้ำใสแล้วก็ควรย้ายออกจากเครื่องกรอง

แผ่นกรองใต้ทราย ไม่ขอแนะนำให้ใช้เนื่องจากจะละลายปุ๋ยชั้นใต้กรวดออกมาเร็วเกินไปและฟองอากาศที่ผุดออกมาก็จะทำให้ CO2 ลดลง

เครื่องกรองภายนอก เป็นที่นิยมกันมากเพราะประหยัดเนื้อที่ ทำความสะอาดง่าย และยังเก็บตะกอนได้เป็นอย่างดี การใช้กรองภายนอกมีข้อควรระวังดังนี้
1.ไม่ควรให้น้ำที่กรองออกจากท่อกระทบน้ำแรงเกินไป เพราะจะทำให้ CO2 ลดลง และสารอาหารจะถูกออกซิไดซ์อีกด้วย
2.ดูขนาดเครื่องกรอง ให้เหมาะสมกับตู้ปลาโดยดูได้จากค่าที่ระบุที่เครื่องกรอง

บางครั้งอาจมีการใช้อุปกรณ์เสริมบางอย่าง เช่น เครื่องทำความร้อน และเครื่องทำความเย็น เพิ่มควบคุมอุณหภูมิของน้ำให้เหมาะสม


การปลูกพรรณไม้น้ำ
ในส่วนนี้มีความสำคัญตรงที่จะทำให้ตู้พรรณไม้น้ำดูสวยงามน่าชม อาจต้องใช้เวลาและประสพการณ์อยู่บ้าง แต่ถ้ามีความตั้งใจรังรองต้องออกมาดีแน่นอน

1.เราต้องเตรียมวัสดุปูพื้นก่อน โดยจะใช้กรวดเล็กหรือดินก็ได้ แต่แนะนำว่าเป็นกรวดจะดีกว่า เพราะดูแลรักษาง่ายกว่าการใช้ดิน
2.ปูกรวดทับปุ๋ยเม็ด ให้กรวดหนาประมาณ 3 นิ้ว
3.เติมน้ำลงไปประมาณ ครึ่งตู้ แต่ต้องระวังไม่ให้น้ำแรงเกินไป จนไปทำให้กรวดที่ปูไว้กระจาก
4.ทำความสะอาดพรรณไม้น้ำที่จะลงปลูกก่อน เพราะอาจมีหอยติดมาได้หรือพวกตะไคร่น้ำ ตัดใบที่เสียหรือไม่สวยออก และตัดรากที่เก่าออกไป เพื่อให้รากใหม่งอก


การจัดตู้พรรณไม้น้ำ
พรรณไม้น้ำจะถูกแบ่งออกเป็นไม้หลัง ไม้กลาง และไม้หน้า
ไม้หลัง ได้แก่ พรรณไม้น้ำที่มีความสูงมากโตเร็ว
ไม้กลาง เป็นพรรณไม้น้ำที่มีขนาดความสูงไม่มากนัก
ไม้หน้า เป็นพรรณไม้น้ำที่มีขนาดเล็กประเภทมอส

เรามาเริ่มลงมือกันดีกว่า เมื่อรองพื้นเสร็จแล้วก็นำพรรณไม้น้ำที่เตรียมไว้จัดลงตามตำแหน่งที่ต้องการ การนำพรรณไม้ลงครั้งแรกควรลงพรรณไม้น้ำจะนวนมาก แต่ไม่แน่นเกินไป เราเพราะถ้าลงน้อยการดูดซึมแร่ธาตุจะน้อยตามไปด้วย และจะทำให้เหลือใช้จนเป็นสาเหตุให้เกิดตะไคร่น้ำ

หลังจากนั้นเติมน้ำให้เต็ม ติดตั้งระบบกรองน้ำ และระบบ CO2 หลังจากเสร็จแล้วต้นไม้น้ำอาจไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ไม่ต้องตกใจครับ อีกประมาณ 2-3 วัน พรรณไม้น้ำก็จะเริ่มฟื้นตัว แต่ต้องเปิดไฟวันละ 6 ชั่วโมง และปริมาณ CO2 ต้องเหมาะสมด้วยครับ การปรับ CO2 ต้องค่อย ๆ ปรับถ้าคุณเลี้ยงปลาอยู่ด้วย เพราะถ้าปรับเร็วเกินไป ค่า pH จะเปลี่ยนแปลงเร็ว ปลาจะตายได้ครับ

หลังจาก 24 ชั่วโมง ให้ใส่ปลากินตะไคร่น้ำลงไป เพื่อป้องกันการเกิดตะไคร่น้ำ และเติมปุ๋ยลงไปอีก
เมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่สอง ให้เปิดไป และ CO2 จาก 6 ชั่วโมง เป็น 7 ชั่วโมง 8 ชั่วโมง และ 10 ชั่วโมงในสัปดาห์ที่ 3 และ 4 ตามลำดับ
ถ่ายน้ำใน 7 วันแรก 25% เป็นเวลา 1 เดือน และ 25% ทุก 15 วัน หากในตู้เกิดหอย สามารถนำปลาปักเป้าหรือฟิชโช่ใส่ไปได้ครับ เพราะปลาพวกนี้จะไปกินหอย

อย่างไรก็ตามเมื่อจัดเรียบร้อยแล้วก็ต้องหมั่นดูแลเอาใจใส่อยู่อย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้ตู้พรรณไม้น้ำก็จะสวยงามตลอดเวลาครับ

การเลี้ยงปลาคาร์พ


ผมเองชอบเลี้ยงปลาคาร์พ ตั้งแต่เมืองไทยนิยมเลี้ยงใหม่ๆ ประมาณ 30 ปีก่อน อากาศเมืองไทยเหมาะที่สุดในการเลี้ยงปลาคาร์พ เชื่อกันว่าปลาคาร์พสร้างพลังให้แก่บ้านหรือร้านของท่าน เพราะเป็นสิ่งเคลื่อนไหวตลอดเวลา เป็นปลานำโชค (ฮวงจุ๊ยพลังซี่) ทำให้การค้าขายดีขึ้น อีกทั้งผู้เลี้ยงหลายท่านที่ผมรู้จักยังยืนยันว่าตั้งแต่เลี้ยงปลาคาร์พที่ บ้านทำให้คนในบ้านสุขภาพแข็งแรงขึ้นมาก ไม่ค่อยเจ็บป่วย สิ่งเหล่านี้ไม่อาจพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ แต่ที่แน่ๆ คือ ปลาคาร์พ ทำให้ทุกคนในบ้านมีความสุข อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้สุขภาพจิตดีขึ้นก็เป็นได้ ทำให้มีสมาธิในการทำงาน การเรียน สมองสั่งการได้ดีคิดอะไรก็ออก งานการหรือการเรียนก็ดีขึ้น หาเงินคล่องขึ้นก็น่าจะเป็นได้นะครับ ปลาคาร์พมีสีสรรสวยงามมาก ลายแต่ละตัวไม่มีซ้ำกัน จึงดูเป็นศิลปะที่งดงามยิ่งเหมาะกับปลายภู่กันของหลายๆ ชาติ ปลาคาร์พ เป็นปลาตระกูลเดียวกับ ปลาหลีฮื้อ (Common carp หรือ Silver carpม) ปลาซ่งฮื้อ (Bighead carp) และปลาเฉาฮื้อ (Grass carp) เป็นปลากินพืช และสัตว์น้ำเล็กๆ ปลาคาร์พทำให้ท่านมีความสุขแน่นอน เหมือนเด็กอ่อนที่ขี้อ้อน เมื่อเจอคนจะว่ายมาหาและขออาหาร และเล่นกับเรา มีลูกค้าของผมหลายท่านเล่าว่าตั้งแต่เลี้ยงปลาคาร์พที่บ้านพวกลูกๆ วัยรุ่นซึ่งเคยเที่ยวเตร่ประจำ จะอยู่ติดบ้านและเล่นกับปลาหรือนั่งอ่านหนังสือริมบ่อปลาอย่างมีความสุข ปลาคาร์พเป็นปลาที่เลี้ยงเชื่องได้ง่าย ความมหัศจรรย์ของปลาคาร์พ ที่เพื่อนๆ ประสบมา บอกว่าปลาคาร์พเป็นปลาแสนรู้ ฝึกหัดได้ สอนให้จำสิ่งต่างๆได้ เข้าใจเจ้าของ ปลาคาร์พเลี้ยงง่ายไม่มากเรื่อง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีเวลาน้อย คนสูงอายุหรือคนป่วยที่จำเป็นต้องอยู่บ้าน ปลาคาร์พทำให้ผู้สูงอายุมีกิจกรรมที่มีความสุขทำให้ไม่เหงา ไม่เครียด ไม่เบื่อ อายุยืนขึ้น กับการให้อาหาร การดูแลบ่อแบบง่ายๆ ไม่ลำบาก (ในกรณีที่มีบ่อกรอง) ปลาคาร์พ ไม่สร้างความรำคาญแก่เพื่อนบ้านเหมือนสัตว์เลี้ยงอื่นๆ เช่นไม่ส่งเสียงดัง ไม่ส่งกลิ่นไม่ทำร้ายเด็กในบ้านเป็นต้น เป็นปลาที่ไม่ต้องดูแลมาก เหมาะกับชาวกรุงเทพ ที่มีเวลาไม่มากนัก และยังเป็นสัตว์เลี้ยงที่สามารถชื่นชมในเวลากลางคืนอีกด้วย ที่ญี่ปุ่นเขาเลี้ยงมานานมากแล้ว เลี้ยงมา กว่า 200 ปีทีเดียว เขาซีเรียดมาก มีการประกวด พันธุ์ใหม่ๆ และตั้งชื่อใหม่ตลอดเวลา มีการประมูลราคาซื้อขายเป็นเงินที่แพงมากสำหรับปลาที่ชนะการประกวด

ผมเป็นมนุษย์เงินเดือนสมัยนั้น ทำให้ผมมีเวลาเฉพาะวันหยุด แทบทุกวันหยุด ผมมักจะไปเยี่ยมชมตามฟาร์มต่างๆ ตลาดขายปลาคาร์พ ตามตลาดนัด และแหล่งขายต่างๆ สมัยนั้น หนังสือ คู่มือการเลี้ยงยังหาไม่ง่ายหมือนทุกวันนี้ ผมจำเป็นต้องฝากเพื่อนชาวญี่ปุ่นซื้อหนังสือการเลี้ยงที่ประเทศญี่ปุ่น และหนังสือดังกล่าวมีแต่ภาษาญี่ปุ่น ซึ่งราคาแพงมาก ผมอ่านไม่ออกหรอกครับ ต้องหาคนแปลแบบทุลักทุเล เพราะด้วยความที่อยากรู้วิธีเลี้ยงอย่างซีเรียดนั่นเอง ผมจะถ่ายทอดวิธีเลี้ยงจากประสบการณ์ของผมเองครับ แบบเข้าใจง่ายๆ

บ่อปลาคาร์พ

ปลาคาร์พเป็นปลาที่สวยงามตรงหลังปลา จึงไม่นิยมเลี้ยงในตู้กระจก บ่อปลาไม่มีกำหนดว่าจะต้องใหญ่ หรือเล็ก เอาอ่างอะไรก็ได้ที่ มีเนื้อที่ให้ปลาได้ว่ายหน่อย เพราะปลาคาร์พสามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ดีมาก แต่มีข้อคิดคือปลาคาร์พเป็นปลาอยู่ไม่นิ่ง ( active ) ฉนั้น บ่อใหญ่ย่อมดีกว่าบ่อเล็ก บ่อลึกย่อมดีกว่าบ่อตื้น เมื่อปลาอยู่ในพื้นที่ที่ใหญ่ ปลาจะร่าเริงมีความสุข บ่อเลี้ยงควรมีบ่อกรองเพื่อไม่ทำให้เรายุ่งยากในการเปลี่ยนน้ำ เท็คโนโลยี่ของบ่อกรองเวลานี้ นักวิทยาศาสตร์เขาคิดได้ดีมาก เพราะไม่เพียงแต่การกรองขี้ผงเท่านี้ ยังสามารถมีระบบย่อยสลายสิ่งขับถ่ายจากปลาอีกด้วย คือเป็นการสร้างหรือเพาะเชื้อจุลินทรีย์ที่ดี เพื่อมาฆ่าหรือทำลายจุลินทรีย์ที่เลว ทำให้น้ำสะอาดมีคุณภาพ คนส่วนใหญ่จะใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมากในการซื้อปลา แต่ไม่ได้คำนึงถึงคุณภาพน้ำ หรือการสร้างระบบกรองที่ถูกต้องนั่นเอง บ่อกรองนำเข้ามีราคาแพงมาก แต่ไม่จำเป็นครับ เราสามารถทำบ่อกรองติดกับบ่อปลา หรือแยกส่วนก็ได้ไม่แพ้ของนอก ยังดูเป็นธรรมชาติอีกด้วย บ่อต้องแข็งแรงเพื่อรองรับความดันของน้ำ ก่อนนำปลาลงบ่อต้องแช่น้ำบ่อด้วยน้ำสะอาดอย่างน้อย 15 วันเพื่อไม่ให้บ่อมีกลิ่นซีเม็นท์ อยากทราบข้อมูลบ่อปลาเพื่มคลิ๊กที่นี่ครับ

น้ำเลี้ยงปลา


สาเหตุการตายอันดับหนึ่งของปลาคือน้ำ ปลาไม่กินอาหารเป็นเวลาหลายวันจะไม่ตาย แต่ถ้าน้ำไม่ดี หรือน้ำเน่าปลาจะตาย ทำไมจึงต้องมีการกรองน้ำ น้ำที่เลี้ยงปลาที่ดีที่สุดควรเป็นน้ำประปา ควรพักน้ำซัก 2-3 วันเพื่อให้คลอรีนระเหย น้ำประปา ได้ผ่านการฆ่าเชื้อโรคและบำบัดมาแล้ว และทางบริษัทผลิตน้ำประปายังยืนยันว่า เราๆ ยังสามารถดื่มได้อีกด้วยโดยไม่จำเป็นต้องต้มให้สุกก่อน จึงเป็น น้ำที่ดีที่สุดสำหรับการเลี้ยงสัตว์น้ำทั่วๆไป และค่า pH ของน้ำประปาไม่มีกรดหรือด่าง อยู่ตรงกลางพอดี แต่บางท่านอาจมีบ้านที่น้ำประปาไม่ใหลผ่าน โดยจำเป็นต้องใช้น้ำบาดาลหรือน้ำคลองเลี้ยงก็ได้ ท่านควรใช้เครื่องวัดค่า pH ของน้ำนะครับ หาซื้อได้ที่ จตุจักร เขายังมีขายกรด & ด่าง เพื่อเพิ่มหรือลดค่า pH อีกด้วย ควรซื้อพร้อมกันครับ น้ำดีทำให้ปลาไม่เครียด และว่ายน้ำตลอดเวลา ไม่ทำให้ปลาเป็นโรค หรือแทบไม่ต้องใช้ยารักษาเลย ให้สังเกตุตลอดเวลาว่าปลาว่ายน้ำอย่างมีความสุขหรือไม่ หรืออยู่เฉิยๆ หรือไม่กินอาหาร นั่นเป็นวิธีง่ายๆ ว่าน้ำที่เราใช้เลี้ยงปลาดีหรือไม่ครับ! หรือถ้าท่าน ซีเรียด ท่านก็ควรซื้อเครื่องวัดน้ำต่างๆ (Test Kit) พวกนี้ราคาสูงมาก เป็นของนำเข้า


การเลือกปลา


การ เลือกปลาควรเลือกตัวเล็กๆ ก็เหมือนซื้อลูกนก หรือลูกป้อนนั่นเอง จะทำให้เขาคุ้นกับเรามากกว่าซื้อตัวใหญ่ เราต้องเป็นคนที่เลือกเองจงมั่นใจในตัวเองพยายามอย่าให้คนขายเลือกเพราะคน ขายส่วนใหญ่มักจะเลือกปลาที่ไม่แข็งแรงและปลาผิดสเป็คให้ (เขาทราบแน่นอน) เราควรเป็นคนกำหนดเองว่าเป็นปลาตัวใหน ถ้าท่านไม่ชำนาญเรื่องการเลือก ควรหาผู้รู้ไปเลือก หรือซื้อกับฟาร์มที่เชื่อถือได้ ปลาที่จะซื้อต้องจับยาก ว้ายน้ำเก่งและแข็งแรง ไม่ซึม พิจารณาถึงรูปร่างด้วย ได้สัดส่วน ผิวไม่มีตำหนิ เกล็ดไม่ร่วง ตามตัว หรือ ครีบ หาง ไม่มีแผล จงระวังการซื้อปลา ท่านอาจซื้อปลาที่ติดโรคมา ซึ่งอาจทำให้ปลาที่มีอยู่เดิมตายยกบ่อได้ ปลาคาร์พแพงหรือถูกไม่ใช่อยู่ที่ขนาดใหญ่ แต่เป็นที่ลายและสี ของปลา ปลาคาร์พมีหลายสีต่างก็มีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่นมากมาย ปลาที่แพงไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นปลาสวย บางตัวแพงเพราะเป็นลายที่หายาก แต่อาจดูไม่สวยก็ได้ ปลาที่มีราคาคือมีลาย เป็นระเบียบเรียบร้อย ดูกลมกลืนขอบสีต้องคม ลายที่นิยม เช่น ตันโจเป็นต้น เพราะว่าไปเหมือนธงชาติของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าปลาจะมีสีเดียว หรือสลับสี 2 หรือ 3 สี ลายสีต้องเรียบร้อย เป็นสัดส่วน ไม่เปรอะ เลอะ สีปลา ต้องมีเฉพาะด้านหลังของปลาเท่านั้น ถ้าเกิดขึ้นที่แก้ม ที่ท้อง หรือที่ครีบ ราคาจะตกอย่างมาก คนที่เพาะปลาขาย แต่ละคอกอาจไม่มีลายตาม สเป็ค เลยก็ได้ ทำให้ขายไม่ได้ราคา ลาย สวยๆตามตำรานั้น ราคาเป็นหลักหมื่นหรือหลักแสนครับ อย่าบอกว่าแพง เพราะเขาคัดมาจากจำนวนมากทีเดียว เหลือไม่กี่ตัวที่มีลายตามตำรา ส่วนใหญ่ปลาที่มีลายตามตำราจะนำเข้าจากญี่ปุ่นครับ คนญี่ปุ่นเป็นคนทำ อะไรจริงจังและตั้งใจมาก

หลายท่านเข้าใจว่าปลานำเข้ามักเป็นปลาที่ดี ไม่จริงครับ ปลาไทยที่ดีมีมากมายเ พียงแต่ปริมาณการเลี้ยงของเราสู้ญี่ปุ่นไม่ได้คือบ้านเรามีปลาให้คัดเลือกน้อยกว่าญี่ปุ่น ทางญี่ปุ่นเขาเลี้ยงเป็นล่ำเป็นสันเขามีสูตรในการผสมข้ามพันธ์ ทำให้เกิดสีแปลกๆ จึงทำราคาได้ดี คนเลี้ยงจึงมีกำลังใจและมีความหวัง เพราะ ผู้เลี้ยงรายย่อยมีโอกาสเข้าประกวดและมีโอกาสคว้ารางวัลใหญ่ๆ ตลอดเวลา เมื่อชนะเขาจะเป็นคนมีชื่อเสียงและฐานะดีขึ้นมาทันที เรามีความรู้สึกว่าปลานอกดีกว่าปลาไทย ถ้าบ้านเรา Serious เอาจริงเอาจังกับการเลี้ยงปลาคาร์พ เราได้ปลาที่ดีกว่าญี่ปุ่นแน่นอน ผมจะรอวันนั้นครับ! และผมจะมีความสุขที่สุด!

ปลาที่ไม่นิยม หรือพวกตกสเป๊ก พวกนี้จะหาง่ายมากตาม ตลาด JJ เขาจะเลาะทิ้งและขายใน ราคา แค่ 10-20 บาทเท่านั้น หรือด้อยลงมาจาก สเป็คหน่อย ราคาก็เป็นแค่หลัก ไม่กี่ร้อย

ข้อควรระวังอย่างยิ่ง เมื่อท่านได้ซื้อปลาจากร้านทั่วๆ อย่าเพิ่งปล่อยปลาลงบ่อทันทีนะครับ ต้องแช่ปลาพร้อมถุงที่ซื้อมาลงในบ่อก่อนอย่างน้อย 5 นาที เพื่อให้ปลาปรับอุณหภูมิก่อน แล้วค่อยเปิดถุงปลา และ ปล่อยปลาลงบ่อ เป็นวิธีเพื่อไม่ให้ปลา ช๊อคน้ำครับ ทำนองเดียวกัน ถ้าท่านต้องการทำบุญปล่อยปลาตามแม่น้ำลำคลอง ก็ใช้วิธีนี้เช่นกัน มิฉนั้นแทนที่จะได้บุญกลับได้บาปเสียอีกนะ ผมขอแนะนำอีกเรื่อง ก็คือ เมื่อปล่อยปลาลงบ่อแล้ว อย่าเพิ่งให้อาหารปลาครับ อย่างน้อย 2-3 วัน เพราะว่าปลากำลังเปลี่ยนสถานที่ และเปลี่ยนน้ำ ปลาจะเครียดและ ทำให้ระบบย่อยอาหารไม่ดี เมื่อกินอาหาร อาจทำให้ท้องอืดและท้องเสีย อาจตายได้ครับ ผมเองเจอมาแล้ว ทำใจไม่ได้เป็นเวลาหลายวันทีเดียว ต้องใจเย็นนะครับ!



การเลี้ยงปลา


ปลาคาร์พจัดว่าเป็นปลาที่อึด ทน แข็งแรง เลี้ยงง่าย ไม่ต้องดูแลมากเหมือนสัตว์เลี้ยงอื่นๆ สามารถปรับตัวได้ดีกับสภาพอากาศต่างๆ และน้ำที่เลี้ยงได้เป็นอย่างดี เป็นปลาที่น่ารักมาก เชื่อง รักสันติ เป็นปลาที่ชอบสังคม ชอบอยู่เป็นกลุ่ม เพราะฉนั้น เราควรเลี้ยงอย่างน้อย 3 ตัวในบ่อๆ หนึ่ง ระบบน้ำเลี้ยงนั้น น้ำต้องวนตลอดเวลา คือการใช้ปั้มน้ำ เพื่อผ่านขบวนการ การกรองตลอดเวลา ถ้าท่านมีพื้นที่เลี้ยงใหญ่หน่อย และปล่อยปลามากหน่อย ปลาจะว่ายน้ำเป็นฝูง สวยงามมาก ทำให้เราเพลิดเพลิน พวกเขาอย่างมีความสุข ปลาคาร์พกินอาหารไม่ค่อยเลือกเช่น ลูกน้ำ กุ้งฝอย หนอนนก อาทีเมีย แต่อาหารสดมีเชื้อโรคมากมาย ผมไม่อยากแนะนำให้ใช้หรอกครับ ใช้อาหารเม็ดดีกว่า เวลานี้อาหารปลาคาร์พมีจำหน่ายแบบสำเร็จรูป เป็นจำนวนมาก แล้วแต่ยี่ห้อ ควรให้อาหารพวกผสม สาหร่ายสปิฐลิน่า (สาหร่ายเกลียว) เพื่อเร่งสี และความเพลิดเพลินในสีที่สวยงาม บางครั้งเราอาจลืมซื้ออาหารให้ปลา ก็ สามารถใช้พวกอาหารทั่วไปเช่น อาหารเม็ดสำหรับปลากินพืช หรืออาหารปลาดุก อาหารกบก็ได้ ถ้าไม่มีจริงๆ ข้าวสวย หรือขนมปัง แก้ขัดไปก่อนก็ยังได้ แต่ต้องระวังอย่าให้น้ำเสีย ปลาคาร์พจะกินแก่งมาก เราอย่าตามใจเขา เขาอิ่มยังต้องการกินอีก เพราะการกินมากเกินไปจะทำให้ปลาถ่ายของเสียมากทำให้น้ำเน่าเร็ว เมื่อมีตระไคร่น้ำเกาะขอบบ่อ ไม่ควรขัดออก เพราะนั่นเป็นสารอาหารอย่างดีของปลา และยังเป็นการรักษาระบบนิเวศน์ได้อย่างดี อากาศหนาวไป หรือร้อนมาก ปลาจะกินอาหารน้อยหรือไม่กินเลย อย่าฝืนครับ โชคดีที่บ้านเรามีหน้าหนาว แบบไม่หนาวมากและมีไม่นาน ต้องคอยระวังถ้าปลากินอาหารไม่หมด จะเหลือเศษอาหารทำให้น้ำเสียได้ต้องคอยตักออก เลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่มีชิวิต ทุกอย่างต้องดูแลอย่างดีนะครับ ต้องคอยสังเกตุว่าปลามีอาการแบบใหน ผิดปรกติไม๊เป็นต้น อ๊อกซิเย็นต์ ต้องมีตลอดเวลาทั้ง กลางวันหรือกลางคืน บ่อมาตรฐานนั้นช่างเขาจะเน้น ระบบ แอร์เจ๊ท ให้อยู่แล้ว สร้าง อ๊อกฯ ได้ดีอยู่แล้ว

แสงแดดก็เป็นสิ่งสำคัญมาก ควรมีแดดส่อง อย่างน้อยซัก 3-4 ชั่วโมงต่อวัน ควรให้ช่างทำบ่อมีร่มเงาบ้าง มีแดดส่องถึงบ้าง ถ้าแดดร้อนจัด ปลาเขาจะไปแอบในที่ร่มเองอย่างมีความสุข เหมือนคนที่อยู่นอกบ้านนานๆ จะเข้าไปหลบในที่ร่ม หรือศูนย์การค้าอะไรอย่างนั้น ควรทำสะพานเล็กๆ สำหรับคนข้ามเพื่อความสวยงามของบ่อ และตัวปลาจะชอบแอบอยู่ใต้สะพานด้วย สำหรับบ่อปลาที่อยู่ภายในบ้าน ก็ให้มีนีออน แสงอาทิตย์ โดยการตั้งเวลา timer บางท่านชอบปลูกไม้น้ำในบ่อปลา ผมไม่สนับสนุนครับ เพราะใบไม้ที่เน่ามีผลไม่ดีต่อปลา ถ้าปลาโตขึ้นนั่นหมายความว่าประชากรเริ่มหนาแน่น ควรตักบางตัวออกบ้าง

ปลาป่วย


ปลาก็เหมือนคน มีอาการป่วย แล้วแต่ความต้านทานโรคของปลาแต่ละตัวไม่เหมือนกัน หลายท่านเข้าใจผิดว่าต้องโรยยาลงในบ่อเพื่อฆ่าเชื้อ ทั้งๆ ที่ปลาไม่เป็นอะไร ไม่ควรครับ เพราะนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ปลาดื้อยา โรคของปลาส่วนใหญ่จะเป็น เชื้อโรคจากแบ็ตทีเรีย อาการต่างๆ เราสังเกตุได้ไม่ยาก คือ ปลาจะไม่กินอาหาร และมีอาการซึม มักจะแอบอยู่ตามซอกหรือมุมบ่อ ควรแยกปลาป่วยออกและสังเกตุ โรคเฉพาะอย่าง อย่างเช่นโรคเน่าเปลื่อย โรคจุดขาว หนอนสมอ เชื้อรา เห็บ ยามีจำหน่ายที่ร้านขายปลาทุกชนิดเวลาซื้อต้องบอกอาการของปลาก่อน ถ้าผู้ขายไม่ทราบการจัดยา เราควรอ่านฉลากยาเองครับ ยานั้นจะเป็นยาปฎิชีวนะส่วนใหญ่ ผู้เขียนเองไม่ทราบอาการป่วยของปลา บางครั้งเคยใช้พวกยาแก้อักเสบหรือยาเหลืองที่ใช้กับคนก็ได้ผลบ้าง แต่ต้องใช้ติดต่อกันอย่างน้อย 3 วัน เพื่อไม่ให้ปลาดื้อยา (เหมือนคน) แต่อย่างไรก็ตามปลาแทบจะไม่ป่วยถ้าท่านเลี้ยงแบบถูกต้อง ถ้าน้ำไม่ดีเราอาจดูดน้ำจากก้นบ่อออกบ้าง ไม่เสียของหรอกครับ ดูดไป รดต้นไม้ในสวนของเราไป ได้ปุ๋ยดีอีกด้วยนะครับ

ศัตรูของปลาคาร์พ

ถ้าบ้านท่านอยู่ในตัวเมืองก็ไม่ต้องกลัว แต่ถ้าอยู่ในชนบท ต้องระวังพวกนกกินปลาต่างๆ ตัวนาก ตัวเงินตัวทอง งู ถ้าท่านพบว่าปลาของท่านถูกทำร้าย อาจมีแผลต้องแยกปลาออกมารักษาต่างหาก โดยการโรยยา ปลาบาดเจ็บจะไม่กินอาหาร ไม่ต้องห่วงครับ ไม่ต้องให้อาหารในเวลานี้ ยิ่งเราฝืนให้อาหารอีก น้ำจะเสีย ทำให้เกิดการเพาะเชื้อโรคมากขึ้น เมื่อปลามีอาการดีขึ้นให้สังเกตุปลาเริ่มเคลื่อนใหว

ข้อคิดสำหรับท่านที่ต้องการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงต่างๆ

สัตว์เลี้ยงทุกชนิด มีชีวิต มีจิตใจ มีความรู้สึก มีความสุข มีความเครียด คล้ายๆ มนุษย์ ฉนั้นพยายามเลี้ยงเขาให้ดี เขาจะเป็นเพื่อนรักที่ดีของเราทีเดียว อย่านำมาเลี้ยงเพียงแค่คิดว่าเขาเป็นตุ๊กตา หรือเป็นของเล่นที่น่ารักเท่านั้น คนเรามักจะซื้อมาเลี้ยงเมื่อเห็นเขายังเป็นลูกป้อน ตัวเล็กๆ น่ารักๆ เช่นกระรอกกระต่ายหนูเฮมฯ หนูไมส์ กิ้งก่าอีกัวน่า เป็นต้น ต่อมาเมื่อโตขึ้นความน่ารักจะหายไป อาจดุร้ายหรือไม่เชื่อง จนคนเลี้ยงต้องกำจัดโดยวิธีต่างๆ เช่น เอาไปปล่อยเป็นต้น เมื่อท่านเอาไปปล่อยนั่นหมายความว่าท่านกำลังฆ่าเขา เพราะเขาไม่สามารถดำเนินชีวิตตามธรรมชาติได้ และสัตว์เลี้ยงบางชนิดเป็นสัตว์สายพันธุ์จากต่างประเทศ เช่นนกหงษ์หยก นกคีรีบูน นกซีบ้าฟิ๊นท์เป็นต้น พวกนี้กินเมล็ดข้าวต่างๆ ที่ เป็นของนำเข้าเท่านั้นถึงแม้ว่านกเหล่านี้ได้เพาะในไทยนานแล้วก็ตาม แต่อาหารของเขาคือ ข้าวไรน์ เมล็ดมิลเล็ท ดอกหญ้าต่างประเทศ บ้านเราตามธรรมชาติไม่มี ถ้าท่านเบื่อและปล่อยไป แน่นอน dead อย่างเดียว ท่านอาจเคยเลี้ยงนกปรอทจุกซึ่งเป็นนกสายพันธุ์ไทยและถิ่นกำเนิดอยู่ประเทศใกล้เคียง ที่กำลังนิยม ผมเคยลองเอากล้วยหอม กล้วยใข่ให้กิน (แน่นอนเป็นกล้วยจากต่างประเทศที่ปลูกในไทยนานแล้ว) นกปรอทจุกไม่ชอบเลยถ้าไม่หิวจริงๆจะไม่กิน แปลกมาก! ทุกวันนี้ผมยังงงอยู่ ไม่ทราบเพราะอะไรทั้งๆที่มันอร่อยกว่ากล้วยน้ำว้า ซึ่งเป็นอาหารหลักและเป็นของโปรดของนกปรอทจุก

เลี้ยงสัตว์เลี้ยงทุกชนิดต้องเลี้ยงด้วยความรักและต้องมีเวลาให้เขาครับ! คอยดูแลอย่าให้เจ็บให้ใข้ ถ้าท่านไม่พร้อมด้วยประการใดๆ ก็ไม่ควรเลี้ยง